อสนียาพร
นนทิพากร
จากการที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน
ทหารเรือ (ฉก.นย.ทร.)
ได้ทำการเปิดแผนยุทธการเพื่อควบคุมสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา
โดยมุ่งเน้นการใช้กำลังเชิงรุกในลักษณะการลาดตระเวน
และตั้งจุดตรวจไม่ประจำที่ (ด่านลอย) บริเวณรอบหมู่บ้านที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มเป้าหมาย
การปฏิบัติมีการลาดตระเวนจรยุทธ์เกาะติดพื้นที่
ในพื้นที่รับผิดชอบ อำเภอบาเจาะ และ อำเภอยี่งอ
โดยได้รับการแจ้งข่าวสารจากประชาชนในพื้นที่ว่าจะมีการเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดด้วยรถยนต์กระบะเข้ามายังพื้นที่รับผิดชอบ
ในค่ำคืนของวันที่ 23 ตุลาคม 2557
จากบ้านกาเยาะมาตี ตำบลกาเยาะมาตี เข้าไปที่ บ้านฮูแตยือลอ ตำบลบาเระใต้
อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
ซึ่งจากข้อมูลของแหล่งข่าวที่แจ้งมานั้น
กลุ่มแนวร่วมขบวนการจะใช้เส้นทางในการลำเลียงวัตถุระเบิดจาก บ้านกาเยาะมาตี –
บ้านชูโว – บ้านคลอแระ – บ้านบูเกะสูดอ
– บ้านฮูแตยือลอ
เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32
หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ทหารเรือ จึงได้จัดกำลังเพื่อเข้าทำการสกัดกั้นการขนย้ายวัตถุระเบิดดังกล่าว
โดยจัดเป็น 3 ชุดปฏิบัติการด้วยกัน ได้แก่
1. ชุดเฝ้าตรวจแจ้งเตือนการเข้ามาบริเวณแยก
โรงเรียนบ้านบูเกะสูดอ
2. ชุดเฝ้าตรวจแจ้งเตือนการเข้ามาบริเวณมัสยิดบ้านฮูแตยือลอ
3. จุดสกัดบริเวณก่อนถึงสามแยกเข้าบ้านกระทุง
จนกระทั่งเวลา
22.30 น. จุดเฝ้าตรวจที่ 1
ตรวจพบรถกระบะ 2 คัน ลักษณะคล้ายรถที่ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว
มาจอดคุยกันบริเวณ สามแยกบ้านบูเก๊ะสูดอ แล้วออกรถมุ่งหน้าไปยังจุดตรวจที่ 2
จึงวิทยุแจ้งให้จุดตรวจที่ 2 ทราบ เมื่อผ่าน จุดเฝ้าตรวจที่ 2
ตรวจพบรถกระบะเพียง 1 คัน จึงวิทยุแจ้งให้จุดตรวจ จุดตรวจที่ 3
ให้เตรียมตรวจสอบรถคันดังกล่าว เมื่อมาถึงจุดตรวจที่ 3
เจ้าหน้าที่จึงได้ขอเข้าทำการตรวจค้น โดยมีกำลังประจำจุดตรวจ จำนวน 6
นาย แสดงตัวบนถนน ฉายไฟฉายให้ทำการหยุดรถเพื่อขอเข้าทำการตรวจค้น แต่รถคันดังกล่าวไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
หัวหน้าชุดจึงได้ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า เพื่อจะให้รถหยุด
แต่รถคันดังกล่าวกลับไม่หยุด
ชุดระวังป้องกันจึงยิงบริเวณล้อรถเพื่อให้หยุด รถต้องสงสัยคันดังกล่าวได้วิ่งไปหยุดบริเวณกลุ่มบ้านประชาชน
ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร จากจุดที่เกิดเหตุ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบกลับพบว่าไม่ใช้รถเป้าหมายและมีประชาชนที่โดยสารมากับรถคันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3
ราย คือ นายรอมือซี แตเมาะ, เด็กหญิงอัชมี แตเมาะ, เด็กหญิงอาซูลา
แตเมาะ จึงได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งรักษาตัว โรงพยาบาลบาเจาะ และส่งตัวรักษาต่อที่
โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ แต่เด็กหญิงอาซูลา แตเมาะ
ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ในเวลาต่อมา
จากการเข้าทำการตรวจสอบวิถีกระสุนพบว่ารถยนต์กระบะตอนครึ่งได้รับความเสียหาย ยางหลังสองข้างแตก
และมีรอยกระสุนที่ตัวถังในแนวล้อรถ และมีกระสุนบางส่วน สูงกว่าแนวล้อรถ
ซึ่งเป็นเหตุให้ประชาชนในรถบาดเจ็บและเสียชีวิต
วันที่
24 ตุลาคม 2557
หลังจากเกิดเหตุเพียงวันเดียว ผู้บังคับกองร้อยปืนเล็กที่ 2
หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ได้แสดงความรับผิดชอบ
ต่อการปฏิบัติงานที่ผิดพลาดของหน่วย ในเวลาต่อมา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32
ร่วมกับ นายอำเภอบาเจาะ ได้สร้างความเข้าใจ
และชี้แจงแนวทางช่วยเหลือต่อครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ
หลังจากนั้นเข้าพบปะแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย
และได้มอบเงินเยียวยาในเบื้องต้น และร่วมในพิธีอาบน้ำศพของ ด.ญ.อาซูลา แตเมาะ
จัดตัวแทนเข้าเยี่ยมและอำนวยความสะดวกแก่ นายรอมือซี แตเมาะ ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่
โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
ในส่วนของ
ผบ.ฉก.นย.ทร. ได้เข้าพื้นที่เกิดเหตุทันที
เพื่อทำความเข้าใจกับผู้นำศาสนาที่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนใน อำเภอบาเจาะ
ได้แก่ นายมะกาแม อิสอ
โต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านคลอแระ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส
และนายมุคตาร์ เจะเลง
ประธานชมรมโรงเรียนตาดีกา อำเภอบาเจาะ/เลขานุการชมรมโรงเรียนตาดีกา จังหวัดนราธิวาส
เพื่อแสดงความรับผิดชอบ พร้อมกับขอคำชี้แนะ และขอความร่วมมือในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนและญาติผู้เสียหายใน
โดยทำการชี้แจงเหตุการณ์ และเร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยายืนยันการให้ความเป็นธรรมกับผู้ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที
หลังจากนั้น
ผบ.ฉก.นย.ทร. พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายอำเภอบาเจาะ,
นายอำเภอยี่งอ และประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส
ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจ ถึงความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
และชี้แจงการให้การช่วยเหลือและการเยียวยา และในโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, ผบ.ฉก.นย.ทร.
ได้มอบเงินเยียวยาขั้นต้น
ให้กับนางอัสรูฮา สนิ มารดาและภรรยาผู้ได้รับผลกระทบ และร่วมกับ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอบาเจาะ
อยู่ร่วมในบริเวณการจัดพิธีศพ เพื่อร่วมแสดงความเสียใจ จนเสร็จสิ้นพิธีกรรมตามหลักศาสนาอิสลาม
จากการปฏิบัติงานที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐ นำไปสู่การได้รับบาดเจ็บของคนในครอบครัว
นายรอมือซี ตาเมาะ รวม 3 คน และบุตรสาววัย 10 ปี
ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น
เจ้าหน้าที่ที่ได้กระทำการในค่ำคืนวันนั้น
มีความกล้าที่แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ต่อครอบครัวของผู้เสียหาย
ขอโทษในสิ่งที่ได้กระทำลงไป พร้อมยอมรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น และหน่วยงานต่างๆ
ได้มอบเงินเยียวยาเพื่อทำการช่วยเหลือต่อครอบครัว นายรอมือซี ตาเมาะ
ทันทีที่ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นเนื่องจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐ
กลุ่มองค์กรที่แสวงผลประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่ม PerMAS และองค์กรภาคประชาสังคม
ได้ใช้เหตุการณ์ดังกล่าวกดดันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งรียกร้องให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ก่อเหตุ
พ่วงด้วยการเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายพิเศษที่ประกาศใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียน
เห็นใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีความกดดัน
ที่จะต้องอยู่ในพื้นที่ความขัดแย้ง มีความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
ไม่รู้เมื่อไหร่จะถูกลอบทำร้ายจากกลุ่มขบวนการ
แต่ก็ขอชื่นชมเมื่อกระทำความผิดก็ออกมายอมรับผิดต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไป
ใช่ว่าการเยียวยาเป็นยาพารารักษาได้ทุกโรค
ผู้ได้รับผลกระทบกับสิ่งที่ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป อย่างไรก็ไม่คุ้มค่า
เกิดกับครอบครัวไหนมีแต่น้ำตาและความเสียใจ
แต่ใครบ้างที่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เคยมีบ้างมั๊ยกลุ่มขบวนการโจรใต้
บีอาร์เอ็น เมื่อได้กระทำการเข่นฆ่าผู้คนบริสุทธิ์ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
กล้ายืดอกแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำ
แต่น่าแปลกผ่านมาสิบกว่าปีไม่เคยเห็นมีใครหน้าไหนกล้าโผล่หน้าออกมาแสดงความรับผิดชอบเลย
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส
และประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจต่อญาติผู้เสียหาย
และประชาชนในพื้นที่ ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการมอบเงินเยียวยาตามหลักเกณฑ์
อีกทั้งยังได้รายงานขออนุมัติเพิ่มเติมจาก ศอ.บต.เป็นกรณีพิเศษเป็นจำนวนเงิน 4,000,000
บาท เพื่อมอบให้กับครอบครัวผู้เสียหาย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และในเวลาต่อมาได้มีการเคลื่อนไหวของบุคคลบางกลุ่มนำข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ไปเปิดประเด็นโจมตีว่ารัฐสังหารประชาชน
ถือเป็นบาปหรือไม่? ได้รับคำอธิบายจากท่านนิมุ
มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา
และประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดยะลา ได้กล่าวไว้ดังนี้ครับ
ในแนวทางของศาสนาอิสลามในข้อของความขัดแย้ง 2
ฝ่าย เมื่อฝ่ายหนึ่งสำนึกผิดและได้กล่าวคำขอโทษ
อีกฝ่ายที่เป็นมุสลิมด้วยกันก็มีหน้าที่อย่างเดียวคือต้องรับคำขอโทษ
จบเรื่องนี้โดยไม่ติดใจซึ่งกันและกัน
แต่ในเรื่องของค่าเสียหายทดแทนหรือเยียวยานั้นเป็นเรื่องที่จะต้องตกลงเรียกร้องกันตามสมควร
แต่ไม่อาฆาตหรือเจ็บแค้นอีกฝ่ายหนึ่งอีกต่อไป ท่านใช้คำกล่าวว่า “มีเตาะอาลาล”
ทั้งนี้หากคนอื่นหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหาย
พยายามยกประเด็นนี้ใส่ร้ายหรือว่ากล่าวทำให้เพิ่มความขัดแย้ง
หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดใส่ร้ายต่อไปอีก ในวิถีมุสลิมไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเขาถือว่าเป็นการรบกวนวิญญาณผู้เสียชีวิต และจะนอนไม่หลับในกุโบร์
ซึ่งท่านนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา
และประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดยะลา
ได้แนะนำให้ใช้แนวทางของศาสนาอิสลามดังกล่าวข้างต้น
ในการอธิบายสร้างความเข้าใจต่อผู้เสียหาย และประชาชนในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม
การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐยังคงต้องดำเนินต่อไป
ตราบใดที่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบยังไม่สามารถนำสันติสุขกลับคืนมาสู่พี่น้องมลายูปาตานี จากสถานการณ์ความรุนแรงที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยังคงมีความจำเป็นในการประกาศใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่แห่งนี้
เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
แต่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ควรให้ความสำคัญในการเคารพกฎหมาย กฎกติกาของสังคมอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งจุดตรวจ
จุดสกัด
ที่ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ
เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้าย การขนย้ายอาวุธและวัตถุระเบิด
ในการเตรียมการก่อเหตุรุนแรงของแนวร่วมขบวนการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
และพื้นที่บางส่วนของจังหวัดสงขลา
แม้ว่าการเดินทางสัญจรจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร
แต่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยส่วนรวม ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
ต้องยอมเสียสละเวลา
เพื่อนำพาสันติสุขที่ทุกคนใฝ่หากลับคืนมาสู่ดินแดนด้ามขวานทองแห่งนี้..ร่วมกัน
ที่มา http://www.deepsouthwatch.org/node/6353
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น